Russia
การปฏิวัติรัสเซีย
การชุมนุมเรียกร้องของประชาชนในเหตุการณ์เดือนกุมภาพันธ์
ที่มา (https://i2.wp.com/nzz-img.s3.amazonaws.com/2017/3/3/f473a62b-2157-458f-a793-f37998530e8c.jpeg)
รัสเซียในตอนต้นของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่
2 กำลังเข้าสู่ยุคของการขยายตัวของอุตสาหกรรม
ประชาชนเปลี่ยนอาชีพจากเกษตรกรรมมาเป็นกรรมกร
กรรมกรเหล่านี้เริ่มมีแนวคิดโน้มเอียงเข้าหาแนวทางสังคมนิยม
ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ ในปี ค.ศ.1898
ได้มีการก่อตั้งพรรคสังคมประชาธิปไตย (Russin Social
Democatic Party) โดยมีนโยบายล้มล้างการปกครองในระบบเก่า (Ancient
Regime) กรรมกรนัดหยุดงาน เกิดความวุ่นวายทั่วประเทศ
รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ จึงก่อให้เกิดการปฏิวัติรัสเซียขึ้นในปี ค.ศ.1917
สาเหตุของการปฏิวัติในเดือนกุมภาพันธ์ (มีนาคม) ค.ศ. 1917
1.
ความไม่พอใจในระบบการปกครองที่ไร้ประสิทธิภาพของราชวงศ์โรมานอฟ
ของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ผลสืบเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น ในปี
ค.ศ.1904-1905 ทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียตกต่ำ ประกอบกับรัสเซียแพ้สงคราม มีผลตามมาคือ
พระชื่อ กาปอน ได้นำฝูงชนเข้ามาเรียกร้องในพระราชวังเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก
เรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง เรียกร้องรัฐธรรมนูญ
ออกกฎหมายลดชั่วโมงการทำงาน และแก้ไขความทุกข์ยากของราษฎร
แต่ทหารรักษาพระราชวังได้ยิงปืนเข้าใส่ฝูงชน เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์ในวันนั้นรู้จักกันนาม Bloody Sunday
ประชาชนเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญขึ้นปกครองประเทศ
รัฐบาลยังต้องเผชิญปัญหาจากความไม่พอใจของกลุ่มชาวนาและกรรมกรที่ต้องแบกภาระภาษีของประเทศไว้
K. นิโคลัสที่ 2 ได้ประทานรัฐธรรมนูญให้ประชาชน
และจัดตั้งสภาดูมา (DUMA) ขึ้นมาเพื่อเป็นปากเสียงของประชาชน
แต่พระองค์เป็นกษัตริย์กึ่งรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนไม่พอใจใน K.นิโคลัสที่ 2
2.
เป็นผลสืบเนื่องมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างไม่ดี ทำให้เกิดแนวคิดสังคมนิยมและลัทธิคอมมิวนิสต์
3.
K.นิโคลัสที่ 2 เกิดความขัดแย้งกับสภาดูมา
จึงยุบสภาและแต่งตั้งตนเองเข้าไปแทน
4.
เกิดปัญหาภายในราชสำนัก K.ซาร์นิโคลัสที่ 2
ไร้ความสามารถในการปกครอง เมื่อทรงไปบัญชาการบในส่วนแนวหน้า
อำนาจการปกครองส่วนใหญ่จึงตกอยู่กับซารีนาอเล็กซาดรา
ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลการครอบงำของรัชปูติน
ทำให้เกิดการวิภาควิจารณ์จนราชสำนักเสียหายมาก
5.
การที่รัสเซียเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งที่ไม่มีความพร้อม รบไม่เป็น
ขาดแคลนอาวุธ กล่าวคือทหารรัสเซียมีจำนวนมากแต่ก็เสียชีวิตมาก และผลจากสงครามทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียตกต่ำ
ผลของการปฏิวัติในเดือนกุมภาพันธ์ (มีนาคม) ค.ศ.1917
การล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟ
ซึ่งปกครองรัสเซียมานานกว่า 300 ปีต้องจบลง
มีรัฐบาลชั่วคราวขึ้นมาปกครองแทนโดยเจ้าชายลวอฟภายใต้การนำของสภาดูมา
ต่อมาภายหลังเจ้าชายลวอฟลาออกจากการเป็นหัวหน้ารัฐบาล
เคอเรนสกี้เข้ามาเป็นหัวหน้ารัฐบาลชั่วคราวแทน
แต่รัฐบาลภายของเคอเรนสกี้ก็ยังไม่ถอนรัสเซียออกจากสงครามโลกครั้งที่ 1
เพราะได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษและฝรั่งเศส
อีกทั้งสหรัฐอเมริกายังขู่ว่าจะไม่ให้กู้เงิน
ในระหว่างคืนวันที่
6 พ.ย. ค.ศ.1917 (ตามปฏิทินแบบสากล)
พรรคบอลเชวิคได้ทำการยึดอำนาจในกรุงเปรโตกราดโดยการยึดสถานที่สำคัญของประเทศ
ให้เรือรบระดมยิงใส่พระราชวังฤดูหนาว จนรัฐบาลเคเรนสกี้ไม่สามารถหยุดยั้งได้
ต่อมาตอนสายของวันที่ 7 พ.ย. ค.ศ.1917
เลนินจึงจัดการประชุมสภาโซเวียของประชาชนชาวรัสเซียทั้งมวลว่ารัฐบาลชั่วคราวได้ล้มสลายแล้วและเปลี่ยนชื่อเป็นสภาผู้ตรวจการของประชาชนให้มีอำนาจในการปริหารประเทศ
นิโคลาย เลนินดำรงตำแหน่งประทานสภาผู้ตรวจการของประชาชน
สาเหตุของการปฏิวัติรัสเซียใน เดือนตุลาคม (พฤศจิกายน) ค.ศ.1917
1.
ชนกลุ่มน้อยต้องการสิทธิในการการเมืองการปกครอง
2.
รัสเซียยังคงเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ
ประชาชนเบื่อหน่ายสงคราม
3.
เกิดความขัดแย้งของรัฐบาลชั่วคราวกับทหาร ทำให้รัฐบาลชั่วคราวอ่อนแอ
เป็นเหตุให้พวกบอลเชวิคทำการทำการปฏิวัติในเดือน ต.ค.(พ.ย.) ค.ศ.1917
โดยมีเลนินที่เดินทางมาจากฟินแลนด์เข้ามาเพื่อเป็นผู้นำการปฏิวัติ
โดยมอบหน้าทางการทหารให้กับทรอสกี้ ซึ่งผลก็คือฝ่ายบอลเชวิคเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
ผลของการปฏิวัติใน เดือนตุลาคม (พฤศจิกายน) ค.ศ.1917
1.
พรรคบอลเชวิคเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคคอมมูนิสต์ รัสเซียเป็นประเทศแรกที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์
2.
เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลคอมมูนิสต์กับพวกรัสเซียขาว (White Russians) ประกอบด้วยพวกนิยมกษัตริย์ พวกนิยมเสรี
ที่ต้องการให้รัสเซียมีการปกครองในระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ
แต่พวกรัสเซียขาวไม่สามารถรวมตัวกันได้ จึงทำให้รัฐบาลคอมมูนิสต์ยังคงอำนาจไว้
3.
กรรมกรได้รับอนุญาตให้เข้าควบคุมโรงงาน
4.
ทรัพย์สินของวัดและของพวกต่อต้านรัฐบาลถูกยึดเข้ารัฐบาล
5.
ทำสนธิสัญญาสงบศึกกับเยรมนี เบรสท์-ลิทอป (Ttreaty Of
Brest-Litovsk) ฟินแลนด์ แอสโทเนีย ลัทเวีย ลิธัวเนีย โปแลนด์และยูเครนเป็นเอกราช
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น